รายงานตลาดรถจักรยานยนต์ในเดือนสิงหาคม 2552 ด้วยปริมาณยอดจดทะเบียน 121,349 คัน ในขณะที่ปริมาณยอดจดทะเบียนสะสมตั้งแต่ต้นปี 2552 ถึงเดือนสิงหาคมอยู่ที่ 1,008,889 คัน ซึ่งลดลง 17% เมื่อเทียบกับยอดสะสมของช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา หรือเมื่อเทียบกับเดือนกรกฏาคมปีเดียวกัน ลดลง 14% แต่ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตัวเลขยอดจดทะเบียนโดยรวมของปีนี้จะหดตัวลดลง แต่หากวิเคราะห์อัตราการเติบโตในเชิงลึกมากขึ้น จะเห็นว่าเฉพาะตัวเลขปริมาณยอดจดทะเบียนของรถจักรยานยนต์ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีดมีแนวโน้มที่สูงขึ้นเรื่อยๆ โดยภายในปี 2552 นี้มียอดจดทะเบียนถึงเดือนสิงหาคมถึง 402,367 คัน ซึ่ง จากแนวโน้มและทิศทางของตลาดดังกล่าว ทำให้ค่ายผู้นำอย่างฮอนด้า ผู้บุกเบิกการนำระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีดนี้มาใช้กับตลาดรถจักรยานยนต์ไทย ยิ่งมีความมั่นใจ มุ่งเดินหน้ารุกเกมกลยุทธ์กระตุ้นเศรษฐกิจ และตลาดรวมอย่างต่อเนื่องต่อไป โดยล่าสุดได้ประกาศก้องแสดงศักยภาพผู้นำตลาดเมืองไทย เปิดตัวรถจักรยานยนต์ระบบหัวฉีดรุ่นใหม่พร้อมกันถึง 2 รุ่น “ฮอนด้า PCX” และ “ฮอนด้า สกู๊ปปี้ ไอ” พร้อมปรับตัวเลขการคาดการณ์ตลาดรวมสวนทิศทางยอดตัวเลขตลาดในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 1,470,000 คัน จากเดิมเมื่อต้นปีที่ 1,350,000 คัน
นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการ บริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “หลังจากที่ฮอนด้าได้ประกาศเจตนารมย์เปลี่ยนแปลงยุคแห่งการขับขี่รถ จักรยานยนต์จากระบบคาร์บูเรเตอร์มาสู่ยุคการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์จ่าย น้ำมันแบบหัวฉีด ส่งผลให้ทิศทางตลาดรถจักรยานยนต์ในส่วนที่เป็นระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีดนี้มี อัตราเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมต่อเนื่อง พร้อมสามารถสร้างความเชื่อมั่นในคุณประโยชน์ของระบบได้มากขึ้น ซึ่งสาเหตุหนึ่งของสัญญาณที่ดีนี้ เนื่องมาจากคุณสมบัติเด่นด้านความประหยัด และสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมของตัวระบบและเครื่องยนต์เอง ประกอบกับการจัดกิจกรรมให้ความรู้และกระตุ้นตลาดเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้อย่าง ต่อเนื่องของค่ายผู้ผลิต ได้ส่งผลให้เกิดกระแสความตื่นตัว และความสนใจเป็นอย่างมากในกลุ่มผู้บริโภค โดยปัจจุบันรถจักรยานยนต์ระบบหัวฉีดของฮอนด้านี้มีปริมาณยอดจดทะเบียนปี 2552 ที่ 393,525 คัน ขณะที่ยอดจดทะเบียนรวมของทุกค่ายผู้ผลิตอยู่ที่ 402,367 คัน นับเป็นภาพของสัญญาณที่ดีแก่การเริ่มต้นในตลาดของไตรมาสสุดท้าย”
ทั้ง นี้ ล่าสุดค่ายผู้นำอย่างรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ได้ตอกย้ำกระแสความนิยมรถจักรยานยนต์ระบบหัวฉีดที่มีมากขึ้น แสดงศักยภาพความเป็นที่หนึ่งตลอดกาลในตลาดรถจักรยานยนต์ไทย ด้วยการแนะนำรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดถึง 2 รุ่น โดยรุ่นแรกคือ “ฮอนด้า PCX” รถจักรยานยนต์ระดับ World Premiere ที่ เป็นโมเดลระดับโลก และมีกำหนดเผยโฉมที่ประเทศไทยเป็นประเทศแรก พร้อมให้คนไทยได้ขับขี่ก่อนใครในโลก เดือนพฤศจิกายนนี้ กับอีกหนึ่งรุ่นใหม่ล่าสุดสำหรับตลาดรถจักรยานยนต์ไทย ที่มีตำนานความสนุกจากประเทศญี่ปุ่น กับ Honda Scoopy i โดยทั้ง 2 รุ่นเป็นรถจักรยานยนต์แบบเอ.ที. และจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI ซึ่งจากกระแสการตอบรับจากมหาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ฮอนด้ารุ่น “สกู๊ปปี้ ไอ” ในงาน Honda Fun United Festival ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ 3 จังหวัดติดต่อกัน เขาใหญ่, เชียงใหม่ และกระบี่ ประกอบกับยอดจองรถที่สูงเป็นประวัติการณ์หลังจากเปิดขายอย่างเป็นทางการได้เพียง 1 วัน ทำให้ฮอนด้ายิ่งมั่นใจจะช่วยกระตุ้นตลาดรวมช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีได้ พร้อมยึดครองความเป็นผู้นำในทุก Segment ของตลาดรถจักรยานยนต์ไทย
สำหรับ รายละเอียดของยอดการจดทะเบียนในเดือนสิงหาคมปีนี้ ปรากฏว่ารถจักรยานยนต์แบบครอบครัวได้รับความนิยมสุงสุด ด้วยปริมาณยอดจดทะเบียนเดือนสิงหาคม 60,682 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 50% และ หากดูจากยอดตัวเลขสะสมตั้งแต่ต้นปีจนกระทั่งถึงปัจจุบันแล้ว รถจักรยานยนต์ประเภทครอบครัวนี้ก็ยังคงเป็นรถยอดนิยมตลอดกาล ด้วยปริมาณยอดจดทะเบียนที่มากถึง 498,462 คันเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 49% ในขณะที่ค่ายฮอนด้าที่เป็นผู้นำตลาดนั้น มีอัตราครองตลาดในกลุ่มรถประเภทนี้ถึง 87% ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่ฮอนด้าให้ความสำคัญกับรถประเภทนี้เป็นอย่างมาก พร้อมทั้งมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์รถครอบครัวมาอย่างยาวนาน และนำเสนอผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง จนสามารถสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ ตลอดจนการยอมรับในกลุ่มผู้ใช้รถอย่างกว้างขวาง ประกอบกับ ด้วยการที่รถประเภทนี้เป็นรถจักรยานยนต์ที่ให้ความประหยัด และให้ความคุ้มค่าในการใช้งาน สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งมีความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยและคำนึงถึงประโยชน์สูงสุด
ส่วนรถประเภทอื่นๆ มีรายละเอียดยอดการจดทะเบียนสะสมตั้งแต่ครึ่งปีแรกจนถึงเดือนสิงหาคมปีล่าสุด ดังนี้ คือ รถแบบ เอ.ที. มีปริมาณ 469,821 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 47%, รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 24,833 คัน สัดส่วนตลาด 2%, รถแบบสปอร์ต 8,618 คัน สัดส่วนตลาด 1% และรถประเภทอื่นๆ 7,155 คัน สัดส่วนตลาด 1%
ในขณะที่หากแบ่งแยกเป็นยอดจดทะเบียนตามประเภทของผู้ผลิต รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 661,493 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 66%, ยามาฮ่า 281,076 คัน อัตราครองตลาด 28%, ซูซูกิ 42,579 คัน อัตราครองตลาด 4%, คาวาซากิ 9,048 คัน อัตราครองตลาด 1%, เจอาร์ดี 1,170 คัน, แพล็ตตินั่ม 712 คัน, ไทเกอร์ 547 คัน และอื่นๆ 6,846 คัน
นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการ บริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า “หลังจากที่ฮอนด้าได้ประกาศเจตนารมย์เปลี่ยนแปลงยุคแห่งการขับขี่รถ จักรยานยนต์จากระบบคาร์บูเรเตอร์มาสู่ยุคการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์จ่าย น้ำมันแบบหัวฉีด ส่งผลให้ทิศทางตลาดรถจักรยานยนต์ในส่วนที่เป็นระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีดนี้มี อัตราเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมต่อเนื่อง พร้อมสามารถสร้างความเชื่อมั่นในคุณประโยชน์ของระบบได้มากขึ้น ซึ่งสาเหตุหนึ่งของสัญญาณที่ดีนี้ เนื่องมาจากคุณสมบัติเด่นด้านความประหยัด และสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยมของตัวระบบและเครื่องยนต์เอง ประกอบกับการจัดกิจกรรมให้ความรู้และกระตุ้นตลาดเกี่ยวกับเทคโนโลยีนี้อย่าง ต่อเนื่องของค่ายผู้ผลิต ได้ส่งผลให้เกิดกระแสความตื่นตัว และความสนใจเป็นอย่างมากในกลุ่มผู้บริโภค โดยปัจจุบันรถจักรยานยนต์ระบบหัวฉีดของฮอนด้านี้มีปริมาณยอดจดทะเบียนปี 2552 ที่ 393,525 คัน ขณะที่ยอดจดทะเบียนรวมของทุกค่ายผู้ผลิตอยู่ที่ 402,367 คัน นับเป็นภาพของสัญญาณที่ดีแก่การเริ่มต้นในตลาดของไตรมาสสุดท้าย”
ทั้ง นี้ ล่าสุดค่ายผู้นำอย่างรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ได้ตอกย้ำกระแสความนิยมรถจักรยานยนต์ระบบหัวฉีดที่มีมากขึ้น แสดงศักยภาพความเป็นที่หนึ่งตลอดกาลในตลาดรถจักรยานยนต์ไทย ด้วยการแนะนำรถจักรยานยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดถึง 2 รุ่น โดยรุ่นแรกคือ “ฮอนด้า PCX” รถจักรยานยนต์ระดับ World Premiere ที่ เป็นโมเดลระดับโลก และมีกำหนดเผยโฉมที่ประเทศไทยเป็นประเทศแรก พร้อมให้คนไทยได้ขับขี่ก่อนใครในโลก เดือนพฤศจิกายนนี้ กับอีกหนึ่งรุ่นใหม่ล่าสุดสำหรับตลาดรถจักรยานยนต์ไทย ที่มีตำนานความสนุกจากประเทศญี่ปุ่น กับ Honda Scoopy i โดยทั้ง 2 รุ่นเป็นรถจักรยานยนต์แบบเอ.ที. และจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด PGM-FI ซึ่งจากกระแสการตอบรับจากมหาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมการเปิดตัวรถจักรยานยนต์ฮอนด้ารุ่น “สกู๊ปปี้ ไอ” ในงาน Honda Fun United Festival ที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ 3 จังหวัดติดต่อกัน เขาใหญ่, เชียงใหม่ และกระบี่ ประกอบกับยอดจองรถที่สูงเป็นประวัติการณ์หลังจากเปิดขายอย่างเป็นทางการได้เพียง 1 วัน ทำให้ฮอนด้ายิ่งมั่นใจจะช่วยกระตุ้นตลาดรวมช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีได้ พร้อมยึดครองความเป็นผู้นำในทุก Segment ของตลาดรถจักรยานยนต์ไทย
สำหรับ รายละเอียดของยอดการจดทะเบียนในเดือนสิงหาคมปีนี้ ปรากฏว่ารถจักรยานยนต์แบบครอบครัวได้รับความนิยมสุงสุด ด้วยปริมาณยอดจดทะเบียนเดือนสิงหาคม 60,682 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 50% และ หากดูจากยอดตัวเลขสะสมตั้งแต่ต้นปีจนกระทั่งถึงปัจจุบันแล้ว รถจักรยานยนต์ประเภทครอบครัวนี้ก็ยังคงเป็นรถยอดนิยมตลอดกาล ด้วยปริมาณยอดจดทะเบียนที่มากถึง 498,462 คันเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 49% ในขณะที่ค่ายฮอนด้าที่เป็นผู้นำตลาดนั้น มีอัตราครองตลาดในกลุ่มรถประเภทนี้ถึง 87% ทั้งนี้เป็นผลมาจากการที่ฮอนด้าให้ความสำคัญกับรถประเภทนี้เป็นอย่างมาก พร้อมทั้งมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์รถครอบครัวมาอย่างยาวนาน และนำเสนอผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง จนสามารถสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ ตลอดจนการยอมรับในกลุ่มผู้ใช้รถอย่างกว้างขวาง ประกอบกับ ด้วยการที่รถประเภทนี้เป็นรถจักรยานยนต์ที่ให้ความประหยัด และให้ความคุ้มค่าในการใช้งาน สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในช่วงเวลาที่ผ่านมา ซึ่งมีความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยและคำนึงถึงประโยชน์สูงสุด
ส่วนรถประเภทอื่นๆ มีรายละเอียดยอดการจดทะเบียนสะสมตั้งแต่ครึ่งปีแรกจนถึงเดือนสิงหาคมปีล่าสุด ดังนี้ คือ รถแบบ เอ.ที. มีปริมาณ 469,821 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 47%, รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 24,833 คัน สัดส่วนตลาด 2%, รถแบบสปอร์ต 8,618 คัน สัดส่วนตลาด 1% และรถประเภทอื่นๆ 7,155 คัน สัดส่วนตลาด 1%
ในขณะที่หากแบ่งแยกเป็นยอดจดทะเบียนตามประเภทของผู้ผลิต รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 661,493 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 66%, ยามาฮ่า 281,076 คัน อัตราครองตลาด 28%, ซูซูกิ 42,579 คัน อัตราครองตลาด 4%, คาวาซากิ 9,048 คัน อัตราครองตลาด 1%, เจอาร์ดี 1,170 คัน, แพล็ตตินั่ม 712 คัน, ไทเกอร์ 547 คัน และอื่นๆ 6,846 คัน
0 comments:
Post a Comment